หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ไข้เลือดออก


ไข้เลือดออก ในเด็ก
ไข้เลือดออกในเด็กไข้เลือดออก เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่มียุงลายเป็นตัวแพร่เชื้อไม่มียารักษาเฉพาะ รักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้เมื่อมีไข้ ให้น้ำเกลือในรายที่อ่อนเพลีย อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ และในรายที่เป็นรุนแรงจะมีเกล็ดเลือดต่ำ ทำให้มีเลือดออกและอาจต้องให้เลือดทดแทน

อาการของไข้เลือดออก
 มีไข้สูงลอย 2-7 วัน ปวดศีรษะปวดเมื่อยตามตัวเบื่ออาหารคลื่นไส้อาเจียน บางคนอาจมีจุดเลือดสีแดงขึ้นตามตัว การรับประทานยาลดไข้มีจุดประสงค์ให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวขึ้น ลดอาการปวดศีรษะและป้องกันการชักจากไข้สูงในเด็ก ฉะนั้นไข้จึงแค่ลดต่ำลงและจะหายตามระยะเวลาของโรค

การดูแลเบื้องต้น
 - เช็ดตัวลดไข้ในผู้ป่วยเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ปี เพื่อป้องกันการชักจากไข้สูง
 - การรับประทานยาลดไข้ ควรเป็นยาในกลุ่มพาราเซตามอล เช่น เทมปร้า คาลปอล ไทลีนอล ไม่ควรรับประทานยาในกลุ่ม แอสไพริน หรือบรูเฟนหรือยาลดไข้สูงอื่นๆ
 - ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่ายรสไม่จัด และควรงดอาหารหรือน้ำที่มีสีแดง ดำ น้ำตาล เพราะในผู้ป่วยไข้เลือดออกต้องคอยสังเกตว่ามีเลือดออกในทางเดินอาหารหรือเปล่า โดยสังเกตจากอาเจียนหรือถ่าย ถ้ารับประทานอาหารที่มีสีคล้ายเลือดจะทำให้สังเกตได้ยากว่าเห็นเลือดหรืออาหารที่ทานเข้าไป
 - หากผู้ป่วยรับประทานอาหารไม่ได้ให้ดื่มนม น้ำเกลือแร่ หรือน้ำผลไม้
อาการที่ควรรีบมาพบแพทย์ - เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียนมาก กินไม่ได้ ปากแห้ง ปัสสาวะน้อยลง ง่วงซึม กระสับกระส่าย
 - มีอาการแสดงสภาวะช็อค เช่น ชีพจรเบาเร็ว มือเท้าเย็นกระสับกระส่าย
 - มีเลือดออกจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
 - ปวดท้องอย่างรุนแรง อาการทั่วไปแย่ลง
ระยะไข้ลด หมายถึง อุณหภูมิในตัวผู้ป่วยลดลงกว่าเดิม ซึ่งเป็นระยะอันตรายของโรค ผู้ป่วยอาจช็อค หรือมีเลือดออกได้ เป็นระยะที่ต้องดูแลใกล้ชิด อาจต้องวัดความดันโลหิตทุก 1-2 ชั่วโมง หรือต้องสังเกตว่ามีเลือดออกหรือเปล่า
ระยะช็อค ในระยะไข้ลดเกิดจาก เกิดจากไข้เลือดออก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผนังหลอดเลือดมีผลให้น้ำที่อยู่ในเส้นเลือดรั่วออกจากเส้นเลือด เลือดในเส้นเลือดจึงมีความเข้มข้นสูง การไหลเวียนของเลือดไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่ดี จึงเกิดภาวะช็อคได้
 การเจาะเลือด เพื่อตรวจดูระดับของเกล็ดเลือดและความเข้มข้นของเลือด เพื่อจะใช้เป็นตัวพิจารณาเพิ่มหรือลดอัตราเร็วของน้ำเกลือ ชนิดของน้ำเกลือหรือเลือดที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับ  ผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออกไม่จำเป็นทุกรายที่จะเลือดออกมาก  ผู้ป่วยที่เป็นไม่รุนแรงจะมีเลือดออกไม่มาก เช่น เลือดออกที่ผิวหนังเป็นจุดแดง หรือมีเลือดกำเดาไหล ส่วนผู้ป่วยที่เป็นรุนแรงหรือมีระยะถึงช็อคอยู่นานๆ อาจมีเลือดออกมากจนต้องได้รับเลือดทดแทน
อาการปวดท้อง สาเหตุเพราะในระยะแรกๆ ที่มีไข้สูงผู้ป่วยอาจทานได้น้อย มีคลื่นไส้ อาเจียน ทำให้น้ำย่อยทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร จึงมีอาการเหมือนโรคกระเพาะ
อาการแน่นท้อง ท้องอืดโต สาเหตุเพราะผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีตับและม้ามโต ทำให้มีอาการท้องอืดโตได้และผู้ป่วยไข้เลือดออกมีการรั่วของน้ำจากหลอดเลือดเข้าไปอยู่ในช่องท้องและช่องปอดทำให้ท้องอืด แน่นท้อง แน่นหน้าอกได้ เมื่อโรคหายอาการต่างๆ จะหายไปเอง
การป้องกัน
 -กำจัดยุงลาย แหล่งน้ำที่เป็นที่เพาะพันธุ์ยุง
 - ป้องกันไม่ให้ยุงกัด
 - ถ้ามีไข้ 2-3 วัน แล้วไข้ไม่ลด ควรไปพบแพทย์
 - ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เฝ้าระวังอาการผิดปกติที่ต้องนำผู้ป่วยกลับไปพบแพทย์ทันที
        
คัดลอกมาจาก OK Nationblog
ปราถนาดีจาก




วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อันตรายจากสเตียรอยต์(Sterroids)

     การรักษาอาการของภูมิต้านทานทำร้ายตนเองคือ การใช้ยาต้านการอักเสบเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาในกลุ่มของสเตียรอยด์ โดยทั่วไปจะใช้สเตียรอยด์หรือคอร์ติโคสเตียรอยด์กันมาก  การเอายากลุ่มนี้มาใช้ก็เพื่อวัตถุประสงค์ลดอาการเสียหายของเนื้อเยื่อที่เกิดอักเสบ จุดอ่อนของการรักษาแบบนี้คือ จะต้องใช้ยาตลอดไป แทบจะหยุดยาไม่ได้ ยากลุ่มสเตียรอยด์มีผลข้างเคียงมาก และร้ายแรง
          สเตียรอยด์ เป็นชื่อเรียกจากกลุ่มฮอร์โมนที่ถูกสร้างจากต่อมหมวกไตซึ่งที่ต่อมนี้จะสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน(ฮอร์โมนชาย)ด้วย สำหรับสเตียรอยด์ที่ใช้ในทางการแพทย์นั้น เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการรักษาโรค รวมถึงใช้ทดแทนในกรณีร่างกายไม่สามารถสร้างฮอร์โมนดังกล่าวได้ กฎหมายกำหนดให้เป็นยาควบคุมพิเศษ เนื่องจากความเป็นพิษสูง และให้แพทย์เป็นผู้สี่งยาเท่านั้น
          ประโยชน์ของสเตียรอยด์
  • ใช้เพื่อทดแทนการขาดฮอร์โมน โดยปกติจะใช้สเตียรอยด์เพื่อทดแทนการขาดฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ที่มีสาเหตุมาจาก ความบกพร่องของต่อมหมวกไต และความบกพร่องของต่อมใต้สมองส่วนหน้า
  • ใช้รักษาโรคต่างๆ สเตียรรอยด์จะถูกใช้เมื่อใช้ยาอื่นไม่ได้ผล หรือโรคนั้นไม่อาจควบคุมได้จากยาอื่น เนื่องจากมีอาการข้างเคียงสูง วัตถุประสงค์ที่นำสเตียรอยด์ไปใช้เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ/หรือกดภูมิคุ้มกันในโรคต่างๆ อาทิ
  1. โรคภูมแพ้ สเตียรอยด์ เมื่อใช้ในโรคภูมิแพ้จะให้ผลดีและรวดเร็วในการควบคุมอาการหลายอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับโรคภูมิแพ้ เช่น หอบหืด ไข้หวัดเรื้อรังชนิดแพ้อากาศ ไข้ละอองฟาง
  2. การแพ้ยาและและโรคคันตามผิวหนังที่เกิดจากอาการแพ้ เนื่องจากยามีอันตรายจากใช้สูง  จึงเก็บไว้ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ และใช้ระยะเวลาสั้น เช่น เป็นโรคหวัดคัดจมูกเรื้อรังชนิดแพ้อากาศ ที่ใช้ยาต้านฮีตามินไม่ได้ผล  หรือเป็โรคหืด  ใช้ยาขยายหลอดลมไม่ได้ผล
  3. โรคผิวหนัง สเตียรอยด์ สามารถใช้ลดอาการทางผิวหนังที่เกิดอาการแพ้ การอักเสบและโรคผิวหนังที่ทำให้เกิดอาการคันต่างๆ แต่การใช้สเตียรอยด์ ไม่ใช่เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ เป็นเพียงรักษาอาการคันและอาการอักเสบที่เกิดจากเชื้อรา ดังนั้น เมื่อหยุดยาก็กลับมาเป็นอีก และอาจมีผลลุกลามได้ เพราะสเตียรอยด์มีผลในการกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  4. โรคตา สเตียรอยด์ ใช้ในการรักษาโรคของตาที่เกิดอาการแพ้ เช่นอาการเคืองตา เนื่องจากแพ้สารบางชนิด ที่ไม่ใช่จากการติดเชื้อ  ซึ่งแพทย์มักรักษาด้วยการใช้ยาหยอดตา ดังนั้นจึงห้ามใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ในกรณีที่ติดเชื้อ และยานี้ไม่มีผลในการรักษาต้อ-กระจกตา นอกจากนี้หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้นจนเกิดเป็นโรคต้อหินได้
  5. โรคข้ออักเสบชนิดรูมาตอยด์ การรักษาโรคนี้ปกติจะใช้ยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ก่อน หาดมีอาการอักเสบที่รุนแรงแพทย์อาจพิจารณาให้สเตียรอยด์ เพื่อบรรเทาอาการเฉพาะครั้ง กรณีที่มีการอักเสบเฉพาะบางข้อนั้น การฉีดสเตียรอยด์เข้าข้อ อาจช่วยลดอาการอักเสบได้ในระยะแรก อย่างไรก็ตาม หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อในข้อร่วมด้วยห้ามฉีดยา

อันตรายจากการใช้สเตียรอยด์
                     เนื่องจากสเตียรอยด์เป็นยาซึ่งมีผลต่อระบบต่างๆในร่างกายแทบทุกระบบ การใช้สเตียรอยด์อาจนำไปสู่อันตรายมากมาย ได้แก่
  • การติดเชื้อ การใช้สเตียรอยด์ในขนาดสูงมีผลกดภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้เกิดอาการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ได้ง่าย นอกจากนี้สเตียรอยด์ยังอาจบดบังอาการแสดงของโรคติดเชื้อ ทำให้ตรวจพบโรคเมื่ออาการรุนแรงขึ้น
  • กดการทำงานของระบบที่ควบคุมการหลั่งฮอร์โมน ระบบที่ทำหน้าที่ควบคุมการหลั่งสเตียรอยด์ฮอร์โมน ประกอบด้วยอวัยวะที่สำคัญในร่างกาย 3 แห่ง ด้วยกันคือ ฮัยโธปาลามัส ต่อมพิทูตารี และต่อมหมวกไต ในภาวะที่มีระดับคอร์ติโอโซล ให้เลือดสูงจะมีการกระตุ้นจากฮัยโปธาลามัสไปยังต่อมหมวกไตให้ลดการสร้างสเตียรอยด์ ในทางตรงกันข้ามถ้าระดับของคอร์ติโอโซลต่ำ จะมีผลให้ต่อมหมวกไต สร้างฮอร์โมนนี้เพิ่มขึ้น
  • การให้สเตียรอยด์ขนาดสูง จะไปกดการทำงานของระบบอวัยวะที่ทำหน้าที่สร้างและควบคุมการหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ มากน้อยขึเนอยู่กับขนาดของยา และที่ได้รับและระยะเวลาในการใช้ยา เช่นถ้าใช้สเตียรอยด์เทียบเท่ากับเพรดนิโซโลน 15 มิลลิกรัมต่อวัน แทบจะไม่มีผลที่จะกดการทำงานของระบบนี้เลย แต่ถ้าให้ขนาดสูงเทียบเท่าเพรดนิโซโลน 15 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลานาน จะมีผลต่อร่างกาย หากหยุดใช้ยา ร่างกายจะไม่สามารถสร้างฮอร์โมนนีได้เพียงพอ โดยเฉพาะเวลาเครียด
  • แผลในกระเพาะอาหาร มีผลทำให้เยื่อบุในกระเพาะอาหารบางลง และยับยั้งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ทดแทน ในผู้ป่วยบางรายพบว่ามีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นด้วย การใช้สเตียรอยด์อาจทำให้กระเพาะอาหารทะลุ หรือเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ โดยไม่มีอาการปวดมาก่อน
  • ผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้ใช้ยามีอาการเสพติดยา
  • นอนไม่หลับ เจริญอาหาร หงุดหงิด
  • กระดูกผุ (Osteoporosis)
  • ยับยั้งการเจริญเติบโตของร่างกาย การใช้ยาขนาดสูงในเด็ก
  • ทำให้ระดับโปแตสเซียมในเลือดต่ำ ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือโปแตสเซียมทางปัสสาวะมาก ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย กล้ามเนื้อไม่มีแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นได้
  • ผลต่อตา ยาหยอดตาบางชนิดมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ไปนานๆทำให้ความดันลูกตาสูง มีอาการติดเชื้อง่าย อาจทำให้ตาบอด
  • ผลต่อผิวหนัง มีผลทำให้ผิวหนังบางเป็นรอยแตกและมีลักษณะเป็นมัน ถ้าทาบริเวณใบหน้าอาจทำให้มีผื่นแดง และมีอาการอักเสบของผิวหนังรอบๆ มีสิว
  • อ้วน ขนดก  ระบบประจำเดือนผิดปกติ ปวดหลัง บวมน้ำ


วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พบกับบูธของคลูโอ สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น ที่งานเกษตรแฟร์ ม.เกษตร


ที่บูธของเราจำหน่ายสเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น ประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่น 100 %  เหมาะกับทุกท่านที่รักสุขภาพผู้ป่วยภูมิแพ้ ป้องกันไม่ให้เป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจและช่วยให้อาการภูมิแพ้ลดลงได้จริง ผ่านการทดสอบจากศิริราช สามารถกำจัดไรฝุ่นซึ่งเป็นสาเหตุของภูมิแพ้100%  ผลิตภัณฑ์ผ่าน อย เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นเจ้าแรกและรายเดียวในประเทศไทย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเพราะสกัดจากน้ำมันหอมระเหยกานพลูและอบเชย สูตรสมุนไพรนี้เป็นสิทธิบัตรของ สวทช
ภายในบูธ ยังมีสินค้าอื่นๆที่น่าสนใจอีกมาก อาทิ สมุนไพรขมิ้นชันกันยุง ยี่ห้อเซนส์แคร์ ป้องกันยุงกัดได้นาน 7 ชั่วโมง ป้องกันการอักเสบของผิวหนัง ป้องกันทากดูดเลือด เหมาะสำหรับนักเดินป่า

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สเปรย์สมุนไพรขมิ้นชันกันยุง กันยุงได้นาน 7 ช.ม.ไม่ระคายเคืองผิว

สินค้าแนะนำใหม่คะ


เซ้นส์แคร์  สเปรย์สมุนไพรขมิ้นชันกันยุง 
กันยุงได้นาน 7 ช.ม.  ลดอักเสบของผิวหนัง ธรรมชาติ100%
สกัดจากน้ำมันขมิ้นชัน กลิ่นส้ม บรรจุกระป๋องในรูปแก้สสเปรย์เพื่อสะดวกในการใช้งาน สามารถฉีดโดยตรงที่ผิวหนัง หรือฉีดไล่ยุงได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีซึ่งอันตรายและตกค้างในร่างกาย นอกจากจะกันยุงได้แล้วยังสามารถกันทากดูดเลือดและแมลงในป่า เหมาะอย่างยิ่งที่จะพกพาติดกระเป๋าไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด เดินป่า เข้าค่ายลูกเสือของเด็กๆ หรือพกพาไปเวลาทานอาหารนอกบ้านได้

คุณสมบัติ ขมิ้นชัน ช่วยไล่ยุง ป้องกันยุง ป้องกันการอักเสบของผิวหนัง ลดอาการบวมแดง ไม่เกิดจุดแดงตามผิวหนัง ป้องกันทากดูดเลือด 
สกัดจากขมิ้นชัน





วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เกี่ยวกับบริษัท เอสบีทีคอนซัลแต้นท์แอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด



บริษัท เอสบีทีคอนซัลแต้นท์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด

ตั้งอยู่ที่ 111/500 ม.แฮบปี้แลนด์วิลล์ ซ.ลาซาล32 แขวง/เขต บางนา กรุงเทพฯ 10260

เบอร์โทรศัพย์ติดต่อ 02-7445577

เว็บไซด์ http://www.mitefear.com/


About Us

SBT Consultant and Marketing  Co .,Ltd.
111/500 , Happyland Ville, Lasalle 32,
Bangna , Bangkok, Thailand 10260

Tel/ Fax  : 02-744-5577
E-Mail    : kalayasarot@hotmail.com
                  
          บริษัท เอสบีที คอนซัลแต้นท์ แอนด์ ก่อตั้งโดยทีมงาน ที่มีประสบการณ์ในด้านการพัฒนาสินค้านวัตกรรม ที่สร้างความแปลกใหม่และมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง ผลิตภัณฑ์ของเราทุกผลิตภัณฑ์ยึดมั่นในแนวทางการสร้งนวัตกรรม และนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด
        สเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับทั้งด้านประสิทธิภาพ และความปลอดภัยได้แก่ สเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น 100 % ยี่ห้อ Mite Fear และ Cluo 
  • สเปรย์กำจัดไรฝุ่นไมท์เฟียร์ กลิ่นยูคาลิปตัสและกลิ่น ซีตรัสส้ม ขนาดบรรจุ 250 ml. ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่แห่งชาติ 
  • สเปรย์กำจัดไรฝุ่น คลูโอ กลิ่นเปเปอร์มิ้น กลิ่นหอมสดชื่น หลับสบายมี 2 ขนาด ขนาดเล็ก 120 ml. ขนาดใหญ่ 200 ml.
สิทธิบัตรจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช ขึ้นทะเบียน อย139/2555

 โดยมีการวิจัย พัฒนาและทดสอบกว่า 8 ปี จนมั่นใจได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด และเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ แพทย์ และผู้ป่วยภูมแพ้ในปัจจุบัน
สินค้าเพื่อสุขภาพและช่วยและดูแลคุณให้ปลอดภัยจากภูมิแพ้ห่างไกลไรฝุ่น

          จูน ทริปเปิ้ล ซี คอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจที่เรา วิจัย พ้ฒนา คัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดที่มีในโลก และได้มีการพัฒนาสูตรเฉพาะของ จูน ทริปเปิล ซี นำมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยี่ Plant Stem Cell จึงทำให้ ท่านมั่นใจได้ว่า จูน ทริปเปิล ซี เป็นสุดยอด คอลลาเจนที่ให้ประโยชน์มากกว่า ดีกว่า และเหนือกว่า
               
                                                                                                           
Established and founded by a team of experienced pharmacists, researchers, industrial developer and professional business consultant, SBT Consultant and Marketing company is developing and growing as one of the well known innovative company who produce, market, and distribute most useful and effective products for consumers’ Public Health .

Part of the successful story is the inspiration and intention to run business with real consumers’ care in mind. Our well known products are herbal anti dust and mosquito’s repellant under brand Mite Fear, Cluo and repel care that are acceptable for customers for their highest efficiency and safety to consumers.
To extend our line of business to consumer’s beauty and healthcare, SBT introduces Junetripple C Collagen which contains 18 valuable ingredients. Not only we create one of the best formulas for collagen market in Thailand, June Tripple C Collagen combines various useful ingredients with plant Stem Cell technology from Switzerland.

               












วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

ไรฝุ่น ภัยใกล้ตัว

ปัญหาเกี่ยวกับไรฝุ่น มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากที่ทำให้ผู้บริโภคต้องหาวิธีป้องกันและกำจัดไรฝุ่นให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ

ไรฝุ่นไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่ามีขนาดเล็กเพียง 0.5 มิลลิเมตร


  1.   ไรฝุ่นเป็นตัวก่อสารภูมิแพ้อันดับหนึ่ง โดยไรฝุ่นผลิตมูลและคราบไร จำนวนมาก ซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้ และสารเหล่านี้หากไม่กำจัดต้องใช้เวลาสลายตัวนานถึง 10 ปี
  2. ไรฝุ่นเป็นภัยใกล้ตัวที่ไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้ จากการวิจัย ไรฝุ่น Dermatophagoides Pteronyssinus(DP) เป็นไรฝุ่นที่พบมากเป็นอันดับ1 โดยมักพบในที่นอน หมอน พรม เครื่องนุ่งห่ม พรม โซฟา และของเล่นที่ทำจากเส้นใย ดังนั้นจึงยากที่เราจะหลีกเลี่ยง ไรฝุ่นเข้ามาในบ้านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากไรฝุ่นลอยมากับลมหรือติดมากับสัตว์เลี้ยง เสื้อผ้า ได้ง่ายดังนี้นจึงต้องหมั่นป้องกันและกำจัดไรฝุ่นอยู่เสมอ
  3. วิธีกำจัดไรฝุ่นที่มีประสิทธิภาพไม่เหมาะกับชีวิตประจำวัน จากการแนะนำของแพทย์ในการกำจัดไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้จากคราบมูลไรฝุ่น วิธีการซักล้างนับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับคราบมูลไร เนื่องจากคราบมูลไรสามารถละลายน้ำได้ แต่ไม่เหมาะสำหรับการกำจัดตัวไรฝุ่น ซึ่งต้องใช้อุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 30 นาที หรือความเย็นระดับแช่แข็ง -10 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง จึงจะสามารถฆ่าตัวไรฝุ่นได้ นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดสำหรับผ้าบางชนิดที่ไม่ทนต่อความร้อนหรือ เครื่องใช้ที่ไม่สามารถซักล้างได้ด้วยวิธีปรกติ เช่นที่นอน พรม ผ้าม่าน
  4. ไรฝุ่นส่วนใหญ่อาศัยในที่นอน และกำจัดได้ยากจากการสำรวจของนักวิจัยพบไรฝุ่นในที่นอนสูงถึง 70% ของไรฝุ่นทั้งห้อง และที่นอนทุกประเภทสามารถเกิดไรฝุ่นได้ทั้งสิ้นในจำนวนมากน้อยต่างกันนอกจากนี้ อายุของที่นอนก็มีความส่วน อายุการใช้งานยิ่งนานยิ่งพบไรฝุ่นมาก แสดงให้เห็นว่าที่นอนเป็นแหล่งสะสมตัวไรฝุ่นและก่อให้เกิดโรค