ปัญหาเกี่ยวกับไรฝุ่น มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากที่ทำให้ผู้บริโภคต้องหาวิธีป้องกันและกำจัดไรฝุ่นให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ
ไรฝุ่นไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่ามีขนาดเล็กเพียง 0.5 มิลลิเมตร |
- ไรฝุ่นเป็นตัวก่อสารภูมิแพ้อันดับหนึ่ง โดยไรฝุ่นผลิตมูลและคราบไร จำนวนมาก ซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้ และสารเหล่านี้หากไม่กำจัดต้องใช้เวลาสลายตัวนานถึง 10 ปี
- ไรฝุ่นเป็นภัยใกล้ตัวที่ไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้ จากการวิจัย ไรฝุ่น Dermatophagoides Pteronyssinus(DP) เป็นไรฝุ่นที่พบมากเป็นอันดับ1 โดยมักพบในที่นอน หมอน พรม เครื่องนุ่งห่ม พรม โซฟา และของเล่นที่ทำจากเส้นใย ดังนั้นจึงยากที่เราจะหลีกเลี่ยง ไรฝุ่นเข้ามาในบ้านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากไรฝุ่นลอยมากับลมหรือติดมากับสัตว์เลี้ยง เสื้อผ้า ได้ง่ายดังนี้นจึงต้องหมั่นป้องกันและกำจัดไรฝุ่นอยู่เสมอ
- วิธีกำจัดไรฝุ่นที่มีประสิทธิภาพไม่เหมาะกับชีวิตประจำวัน จากการแนะนำของแพทย์ในการกำจัดไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้จากคราบมูลไรฝุ่น วิธีการซักล้างนับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับคราบมูลไร เนื่องจากคราบมูลไรสามารถละลายน้ำได้ แต่ไม่เหมาะสำหรับการกำจัดตัวไรฝุ่น ซึ่งต้องใช้อุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 30 นาที หรือความเย็นระดับแช่แข็ง -10 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง จึงจะสามารถฆ่าตัวไรฝุ่นได้ นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดสำหรับผ้าบางชนิดที่ไม่ทนต่อความร้อนหรือ เครื่องใช้ที่ไม่สามารถซักล้างได้ด้วยวิธีปรกติ เช่นที่นอน พรม ผ้าม่าน
- ไรฝุ่นส่วนใหญ่อาศัยในที่นอน และกำจัดได้ยากจากการสำรวจของนักวิจัยพบไรฝุ่นในที่นอนสูงถึง 70% ของไรฝุ่นทั้งห้อง และที่นอนทุกประเภทสามารถเกิดไรฝุ่นได้ทั้งสิ้นในจำนวนมากน้อยต่างกันนอกจากนี้ อายุของที่นอนก็มีความส่วน อายุการใช้งานยิ่งนานยิ่งพบไรฝุ่นมาก แสดงให้เห็นว่าที่นอนเป็นแหล่งสะสมตัวไรฝุ่นและก่อให้เกิดโรค